วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 2


ให้นักศึกษาอ่าน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
แล้วตอบคำถามดังต่อไปนี้

1.ประเด็นที่อ่านแล้วมีอะไรที่น่าสนใจ
                - มาตรา  30  บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย                   เท่าเทียมกัน
                การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด               เชื้อชาติ  ภาษา  เพศ  อายุ  สภาพทางกายหรือสุขภาพ  สถานะของบุคคล  ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม  ความเชื่อทางศาสนา  การศึกษาอบรม  หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจะกระทำมิได้
                มาตรการที่รัฐกำหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น  ย่อมไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม

2.สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาวิชานี้ตรงกับรัฐธรรมนูญในประเด็นใดบ้าง
หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย
      ส่วนที่ 8 สิทธิและเสรีภาพในการศึกษา
      มาตรา 49 บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐจะต้อง                      จัดให้อย่าง   ทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพหรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากต้องได้รับสิทธิตามวรรค หนึ่งและการสนับสนุนจากรัฐ เพื่อให้ได้รับการศึกษาโดยทัดเทียมกับบุคคลอื่น
การจัดการศึกษาอบรมขององค์กรวิชาชีพหรือเอกชน การศึกษาทางเลือกของประชาชน การเรียนรู้ด้วยตนเองและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ย่อมได้รับการคุ้มครองและส่งเสริมที่เหมาะสมจากรัฐ
      มาตรา 50 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการ
การศึกษาอบรม การเรียนการสอน การวิจัย และการเผยแพร่งานวิจัยตามหลักวิชาการ ย่อมได้รับความคุ้มครองทั้งนี้เท่าที่ไม่ขัดต่อหน้าที่ของพลเมืองหรือ ศีลธรรมอันดีของประชาชน

3.ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความรู้และความจำที่น่าจะนำไปตอบข้อสอบได้มีอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง
- บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้  เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
1. มีสัญชาติไทย แต่บุคคลผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี
2. อายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ ในวันที่ 1 มกราคมของปีที่มีการเลือกตั้ง  และ
3. มีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง
                ผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งอยู่นอกเขตเลือกตั้งที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน  หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งเป็นเวลาน้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกตั้ง  หรือมีถิ่นที่อยู่นอกราชอาณาจักร  ย่อมมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง 
- บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ในวันเลือกตั้ง  เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง
1. เป็นภิกษุสามเณร นักพรต นักบวช
2. อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
3. ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
4. วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ
- คุณสมบัติของผู้ที่จะจดทะเบียนสมรส
1. จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 17 ปีบริบูรณ์ และต้องนำบิดา มารดา หรือผู้ปกครองมาให้ความยินยอมด้วยกรณีที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลให้ทำการสมรสได้ ส่วนผู้ที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ ขึ้นไปสามารถดำเนินการจดทะเบียนสมรสได้ด้วยตนเอง
2. ไม่เป็นคนวิกลจริตหรือไร้ความสามารถ
3. ไม่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดามารดา
4. ไม่เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น
5. ผู้รับบุตรบุญธรรมจะสมรสกับบุตรบุญธรรมไม่ได้
6. หญิงหม้ายจะสมรสใหม่เมื่อการสมรสครั้งก่อนได้สิ้นสุดไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่กรณี
      - คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น
      -สมรสกับคู่สมรสเดิม
      -มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์
      -ศาลมีคำสั่งให้สมรสได้
      -ชายหญิง ที่มีอายุไม่ครบ 17 ปีบริบูรณ์ ศาลอาจอนุญาตให้

4.ทำไมเราต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้นักศึกษาบอกเหตุผลประกอบการอภิปราย
                - รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช 2550  ถือเป็นกฎหมายสูงสุดของ             ประเทศ   จึงมีความสำคัญต่อวิถีชีวิต  ความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคน  ตลอดจนอนาคตของ       ประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง  ประชาชนชาวไทยทุกคนจำเป็นต้องมีความรู้  ความเข้าใจในเนื้อหาสาระ 
ของรัฐธรรมนูญ  เนื่องจากเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพ  และหน้าที่ของพลเมือง 
แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ  ตลอดจนการจัดระเบียบทางการเมืองและการปกครองของประเทศ 
อันจะนำไปสู่การปฏิรูปทางสังคม  เศรษฐกิจและการเมือง  และนำมาซึ่งความมั่นคง  ความรุ่งเรือง 
และความสามัคคีของบุคคลทุกฝ่าย

5.นักศึกษามีความคิดเห็นอย่างไรในการที่รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะเหตุใดที่จะต้องแก้ไขและทำไมมีประชาชนบางกลุ่มจึงคัดค้าน ขอให้นักศึกษาบอกถึงเหตุผลที่จะต้องแก้ไข
  - ในความคิดส่วนตัวนั้นไม่เห็นด้วย  เพราะการที่จะแก้รัฐธรรมนูญนั้นต้องแก้เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ  ถ้าแก้เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือเหตุผลอื่นไม่ควรแก้
เหตุผลที่มีประชาชนบางกลุ่มคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ  เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำ                   เพื่อตนเองไม่ใช่เพื่อส่วนรวม และเป็นชนวนให้เกิดความไม่สงบในปัจจุบัน

6.ปัจจุบันการปกครองประเทศมีอำนาจทั้ง 3 อำนาจที่จะต้องมีความสมดุลซึ่งกันและกัน และนักศึกษามองถึงปัญหารัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร์ สภานิติบัญญัติ มีภาวะที่ดำรงอยู่อย่างไร มีความมั่งคงที่จะรักษาความเสถียรต่อการบริหารบ้านเมืองหรือไม่ขอให้นักศึกษาอภิปรายและแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว

-ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นคิดว่าเกิดจากการที่ไม่ยอมรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน   ผู้ที่ถือกฎหมาย          ไม่ทำตนเป็นกลาง   โดยส่วนมากจะนึกถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน    ทำหน้าที่ของตนเองไม่เต็มที่                     อีกทั้งเพราะมั่วแต่คอยขัดขวางการทำงานของอีกฝ่าย  การประชุมสภาแต่ละครั้งก็มีการทะเลาะกันระหว่างประชุม  อีกทั้งยังมีการแทรกแซงอำนาจกัน
จากปัญหาต่างๆมากมาย  บ้านเมืองไม่มีการพัฒนาขึ้น  เศรษฐกิจถดถอยลง  จึงมีความเห็นว่าไม่มีความมั่นคงที่จะรักษาเสถียรภาพต่อการบริหารบ้านเมือง  


วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 1


ให้นักศึกษาค้นหาคำนิยามที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหาให้มากที่สุดแล้วเขียนลงในกิจกรรมที่ 1 ของนักศึกษาอย่างน้อยคนละ 10 ชื่อ

  • นิยามของคำว่า  "หมิ่นประมาท"
ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง

  • นิยามของคำว่า " " จำนำ"
สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้จำนำ?ส่งมอบสังหาริมทรัพย์สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจำนำ? เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้

  • นิยามของคำว่า " " ค้ำประกัน"
สัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน? ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่ง เพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น
อนึ่งสัญญาค้ำประกัน?นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน?เป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

  • นิยามของคำว่า " " ผู้รับประกันภัย"
คู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือใช้เงินจำนวนหนึ่งให้

  • นิยามของคำว่า " " ผู้เอาประกันภัย"
คู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะส่งเบี้ยประกันภัย

  • นิยามของคำว่า  "ผู้รับประโยชน์"
บุคคลผู้จะพึงได้รับค่าสินไหมทดแทนหรือรับจำนวนเงินใช้ให้

  • นิยามของคำว่า  "เช่าทรัพย์"
สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้เช่าตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้เช่าได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งชั่วระยะเวลาอันมีจำกัด และผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าเพื่อการนั้น

  • นิยามของคำว่า " " ซื้อขาย"
สัญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่ง เรียกว่าผู้ขาย โอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง เรียกว่าผู้ซื้อ และผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ขาย

  • นิยามของคำว่า  "ฝากทรัพย์"
 สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ฝาก ส่งมอบทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับฝาก และผู้รับฝากตกลงว่าจะเก็บรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ในอารักขาแห่งตน แล้วจะคืนให้

  • นิยามของคำว่า "."" " จำนอง"
 สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้จำนอง?เอาทรัพย์สินตราไว้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจำนอง? เป็นประกันการชำระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจำนอง?
ผู้รับจำนอง?ชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนอง?ก่อนเจ้าหนี้สามัญมิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่

  • นิยามของคำว่า ""แลกเปลี่ยน"
สัญญาซึ่งคู่กรณีต่างโอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้กันและกัน

  • นิยามของคำว่า ""สินสมรส"
เป็นทรัพย์สินที่มีขึ้นหลังจากการสมรส

  • นิยามของคำว่า " " ผู้รับพินัยกรรม"
ทายาทที่มีสิทธิตามพินัยกรรม

  • นิยามของคำว่า " " ให้โดยเสน่หา"
ให้โดยปราศจากเงื่อนไขและด้วยความเต็มใจของผู้ให้

  • นิยามของคำว่า " " สัญญาตัวแทน"
สัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่งเรียกว่าตัวแทน มีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และตกลงจะทำการดั่งนั้น



ที่มา  : รับฟังความคิดเห็นด้านกฎหมายไทย Lawamendment ร่างกฎหมายใหม่ กฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน(ออนไลน์) สืบค้นจาก   http://www.lawamendment.go.th/   [ 7 พฤศจิกายน 2555 ]

แนะนำตนเอง




นางสาวณิชมน   บุญรัตน์
รหัสนักศึกษา  5311103081
ชั้นปีที่ 3  สาขาวิชาคณิตศาสตร์
คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช


ประวัติการศึกษา

ประถมศึกษา          โรงเรียนวัดเทพสิทธาราม
                                           โรงเรียนโรงเรียนเทศบาลปากพนัง 2
                                          มัธยมศึกษา           โรงเรียนปากพนัง


ปรัชญา
" ฝึกฝนตนให้เป็นคนมากรู้  ไม่ใช่คนรู้มาก "